เมนู

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 2. สุเมธกถา
[29] ในที่นั้น เราสร้างที่จงกรมซึ่งเว้นโทษ 5 ประการ1
เป็นที่นำมาซึ่งอภิญญาพละประกอบด้วยคุณ 8 ประการ 2
[30] ละทิ้งผ้าสาฎกซึ่งประกอบด้วยโทษ 9 ประการ3เสีย
แล้วนุ่งผ้าคากรอง(ผ้าเปลือกไม้) ซึ่งประกอบด้วยคุณ 12 ประการ
[31] เราละทิ้งบรรณศาลาที่ประกอบไปด้วยโทษ 8 ประการ4เสีย
เข้าไปอาศัยโคนต้นไม้ซึ่งประกอบด้วยคุณ 10 ประการ5
[32] เราละทิ้งข้าวเปลือกที่หว่านไว้ ปลูกไว้เสียโดยไม่เหลือ
บริโภคผลไม้ที่หล่นเองซึ่งประกอบด้วยคุณหลายอย่าง
[33] ในที่นั้น เราบำเพ็ญความเพียรอยู่ในที่นั่งที่ยืนและที่จงกรม
ภายในเวลา 7 วัน ก็ได้บรรลุอภิญญาพละ
[34] เมื่อเราบรรลุถึงความสำเร็จ
มีความชำนาญในศาสนาอย่างนี้แล้ว
พระชินเจ้าพระนามว่าทีปังกร ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว
[35] ในขณะที่พระชินเจ้าทรงปฏิสนธิ ประสูติ ตรัสรู้
และแสดงธรรม เราเป็นผู้เปี่ยมด้วยความยินดีในฌาน
จึงไม่ได้เห็นนิมิต 4 ประการ

เชิงอรรถ :
1 โทษ 5 ประการ คือ (1) ที่แข็งกระด้างขรุขระ (2) มีต้นไม้อยู่ภายใน (3) มีกอไม้ปกคลุม (4) แคบเกินไป
(5) กว้างเกินไป (ขุ.พุทธ.อ. 29/117)
2 ประกอบด้วยคุณ 8 ประการ หมายถึงประกอบด้วยสุขของสมณะ 8 ประการ (1) มีจิตเป็นสมาธิ
(2) บริสุทธิ์ (3) ผุดผ่อง (4) ไม่มีกิเลสยียวน (5) ปราศจากกิเลส ที่เป็นเหตุให้เศร้าหมอง (6) อ่อนโยน
(7) ควรแก่การงาน (8) ตั้งขึ้นไม่หวั่นไหว (ขุ.พุทฺธ.อ. 29/117)
3 ขุ.พุทฺธ.อ. 30/118
4 ขุ.พุทฺธ.อ. 30/118
5 ขุ.พุทฺธ.อ. 31/119

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :571 }


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย พุทธวงศ์ 2. สุเมธกถา
[36] ในแคว้นปัจจันตประเทศ ชนทั้งหลาย
ทูลนิมนต์พระตถาคตแล้ว มีใจยินดี
ช่วยกันแผ้วถางทางสำหรับพระตถาคตเสด็จดำเนินมา
[37] ครั้งนั้น เราออกจากอาศรมของตนแล้ว
สลัดผ้าคากรอง เหาะไปในท้องฟ้า
[38] เห็นหมู่ชนผู้มีจิตโสมนัส ยินดีร่าเริงบันเทิงใจ
จึงลงจากท้องฟ้ามาถามมนุษย์ทั้งหลายในขณะนั้นว่า
[39] มหาชนผู้มีจิตโสมนัส ยินดีร่าเริงบันเทิงใจ
ช่วยกันแผ้วถางทางสำหรับเดินเพื่อใคร
[40] ชนเหล่านั้นถูกเราถามแล้วบอกว่า
‘พระพุทธชินเจ้าผู้ยอดเยี่ยม พระนามว่าทีปังกร
ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก เสด็จอุบัติขึ้นในโลกแล้ว
ชนทั้งหลายช่วยกันแผ้วถางทางสำหรับเสด็จดำเนินเพื่อพระองค์’
[41] เดี๋ยวนั้น ปีติเกิดแก่เราเพราะได้ฟังคำว่า ‘พุทโธ‘
เราจึงกล่าวประกาศความโสมนัสว่า ‘พุทโธ พุทโธ‘
[42] เราทั้งยินดี ทั้งตื้นตันใจ ยืนคิดอยู่ ณ ที่นั้นว่า
‘เราจักปลูกพืชคือบุญลงในที่นี้ ขณะอย่าได้ล่วงเลยไป’
[43] แล้วกล่าวว่า ‘ถ้าท่านทั้งหลายช่วยกันแผ้วถางทางเพื่อพระพุทธเจ้า
ขอจงให้โอกาสหนึ่งแก่ข้าพเจ้า
แม้ข้าพเจ้าก็จะช่วยแผ้วถางทางสำหรับเสด็จดำเนิน’
[44] ครั้งนั้น ชนเหล่านั้นได้ให้โอกาสแก่เราเพื่อการแผ้วถางทาง
เราแผ้วถางทางไปพลางคิดไปพลางว่า ‘พุทโธ พุทโธ‘
[45] เมื่อโอกาสของเรายังไม่ทันเสร็จ
พระชินมหามุนีพระนามว่าทีปังกร

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 33 หน้า :572 }